3 เคล็ดลับ เสนองานอย่างผู้ชนะ

สำหรับผู้ที่ทำอาชีพอิสระ ไม่ว่าจะเป็นสายงานไหนๆ เชื่อว่าต้องมีหลายครั้งที่เราได้รับ “ข้อเสนองาน” เข้ามา แน่นอนว่าลูกค้าเหล่านั้นก็คงไม่ได้มีแค่เราเป็นตัวเลือกเดียวใช่ไหมครับ เพราะฉะนั้นจะได้งานหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับตอนเราเข้าไปคุย หรือทีเราเรียกว่าเอางานไปเสนอนั่นเอง

บางท่านนั้นพอพูดถึงการเสนองานอาจจะส่ายหน้า เพราะรู้สึกว่าเป็นขั้นตอนที่ยุ่งยาก และลำบาก โดยเฉพาะท่านที่มีงานต่อเนื่องอยู่แล้ว แต่อยากให้คิดอีกมุมหนึ่งว่า การที่เราปฏิเสธโอกาสงานต่างๆในปัจจุบันไปนั้น อาจเป็นการปฏิเสธงานอีกมากมายในอนาคตไปโดยไม่รู้ตัว เพราะลูกค้าประจำตอนนี้ ก็ล้วนเคยแต่เป็นลูกค้าใหม่มาแล้วทั้งสิ้น

ดังนั้งอาชีพอิสระอย่างเราๆ หากหมั่นฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ ก็จะทำให้การขายงานเป็นเรื่องที่ง่ายมากขึ้น และทำให้เรามีงานใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง มาดูเคล็ดลับกันว่าจะเสนองานอย่างไร ให้เป็น “ผู้ชนะ”

มีจุดขายของตัวเองอย่างชัดเจน

จุดยืนที่ชัดเจน

เช่นเดียวกันกับเวลาเราเลือกซื้อสินค้าจากแบรนด์ต่างๆ เพราะสินค้าจากต่างรายย่อมมีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป โดยเราอาจทราบจากการทำการตลาด จากประสบการณ์ของตนเอง หรือผู้ใช้จริงรายอื่นๆ

เมื่อเราเสนองาน หรือขายงานให้กับผู้ว่าจ้าง หากเรามีจุดขายที่ชัดเจนก็ย่อมช่วยให้การตัดสินใจเลือกเราทำได้ง่ายยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่น หากคุณผู้อ่านเป็นนักถ่ายรูปอิสระ ที่มีความถนัดในการถ่ายงานอีเวนท์ งานพิเศษ เมื่อผู้ว่าจ้างมีความต้องการดังกล่าว ก็ย่อมเกิดความเชื่อใจในตัวเรามากขึ้น

ดังนั้นการสร้างจุดขายหรือจุดยืนให้ตัวเองก็คล้ายๆกับการทำแบรนด์ดิ้งตัวเองนั่นเอง ว่าเรามีอะไรเด่นที่จะไปขายงาน และลูกค้าควรคาดหวังอะไรจากเรา

มีแผนงานที่ชัดเจน

แผนการทำงานชัดเจน

ผู้ว่าจ้างทุกคนย่อมต้องการงานที่สำเร็จลุล่วง และปราศจากปัญหาจุกจิก ดังนั้นแม่ว่างานจะเสร็จเหมือนกัน ผู้ที่มีแผนงานชัดเจนย่อมดูน่าเชื่อถือมากกว่า

การเขียนแผนงานไม่ใช่เรื่องยาก อาจเริ่มจากการเขียนเป็นโน้ตเพื่อรวบรวมไอเดียเป็นลำดับขั้นตอน หรือจะทำเป็นพรีเซนเทชั่นไปนำเสนอเพื่อความเป็นมืออาชีพยิ่งขึ้นก็ได้เช่นกัน

ราคาโปร่งใส มีมาตรฐาน

โปร่งใส ไม่หมกเม็ด

ในการว่าจ้างงานทุกรูปแน่นอนว่าผู้ว่าจ้างย่อมต้องการได้งานคุณภาพในราคาที่อยู่ในงบ และต้องตรวจสอบได้ ดังนั้นเรื่องค่าใช้จ่ายจึงเป็นเรื่องที่สำคัญในการคุยงานทุกชนิด

สิ่งที่จะช่วยได้ก็คือเราควรมีเรทราคาที่เหมาะสมกับงานแต่ละชนิด โดยจะเป็นมาตราฐานของตัวเองเราเอง หรือจะเป็นการเปรียบเทียบคุณภาพ-ราคากับคู่แข่งรายอื่นก็ได้

เมื่อผู้ว่าจ้างเห็นว่าเราคิดราคาอย่างตรงไปตรงมาตามมาตราฐานของตนเอง ก็จะรู้สึกว่าเราโปร่งใส ไม่เอาเปรียบ ย่อมทำให้เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจได้ง่ายยิ่งขึ้น